เฝ้าระวังไข้เลือดออก2023 ครึ่งปีเสียชีวิตไปแล้ว 15 ราย

 เฝ้าระวังไข้เลือดออก2023 ครึ่งปีเสียชีวิตไปแล้ว 15 ราย

         กรมควบคุมโรค เตือนเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูฝน เนื่องจากเมื่อฝนตกจะทำให้เกิดน้าขังในภาชนะต่างๆ กลายเป็นแหล่งวางไข่ของยุง ส่งผลให้ยุงพาหะชุกชุมมากขึ้น ประชาชนจึงอาจเสี่ยงป่วยโรคไข้เลือดออก และในปีนี้คาดการณ์ว่าโรคไข้เลือดออกจะกลับมาระบาดอีกครั้งตามวงรอบของปีที่จะระบาด ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนและสถานศึกษาช่วยกันกำจัด แหล่งวางไข่ยุงลาย ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง สะอาด ไม่ให้เป็นที่เกาะพักของยุง


          วันนี้ (2 มิถุนายน 2566) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้คาดการณ์ว่าไข้เลือดออกจะกลับมาระบาดอีกครั้งในปีนี้ตามวงรอบของปีที่จะระบาด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เมื่อฝนตกจะทำให้น้าขังในภาชนะต่างๆ กลายเป็นแหล่งวางไข่ของยุง สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2566 พบรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น โดยพบผู้ป่วยจำนวน 18,173 ราย เสียชีวิต 15 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงที่สุด ได้แก่ กลุ่มอายุ 5-14 ปี (6,088 ราย อัตราป่วย 79.00) รองลงมา 15-24 ปี (4,247 ราย อัตราป่วย 49.53) ส่วนจังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงที่สุดในเดือนพฤษภาคม คือ จังหวัดตราด น่าน จันทบุรี แม่ฮ่องสอน และระยอง ตามลำดับ


          นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า สำหรับลักษณะอาการของโรคไข้เลือดออก คือ มีไข้สูงเฉียบพลัน และสูงลอยประมาณ 2-7 วัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หน้าแดง อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร ส่วนใหญ่ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ต่อมาไข้จะลดลง ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ ซึ่งลักษณะอาการบางอย่างของโรคไข้เลือดออก อาจมีอาการคล้ายกับโรคโควิด 19 จึงขอให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว หากมีไข้สูงลอยเกิน 2 วัน  และเช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง ขอให้คิดว่าอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก และไม่ควรซื้อยารับประทานเองโดยเฉพาะยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้ง่ายและยากต่อการรักษา ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย ประเมินอาการ เพื่อที่จะได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ชุดตรวจโรคไข้เลือดออกชนิดรวดเร็ว (Dengue Rapid Diagnosis Test) ทำให้สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกได้เร็วมากขึ้น

          นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ส่วนใหญ่คือเด็กมีภาวะอ้วน รองลงมาคือไปรับการรักษาล่าช้า และได้รับยาในกลุ่ม NSAIDs ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กวัยเรียน จึงขอความร่วมมือสถานศึกษาทั่วประเทศ ช่วยกันทำความสะอาดโรงเรียน จัดการขยะ เก็บกวาดเศษใบไม้ทำให้สิ่งแวดล้อมปลอดโปร่ง พร้อมทั้งสำรวจและกำจัดแหล่งวางไข่ยุงลายในโรงเรียนทุกสัปดาห์

          นอกจากนี้ การป้องกันโรคไข้เลือดออกให้ได้ผลดีที่สุด คือการป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุงหรือนอนในมุ้ง กำจัดแหล่งวางไข่ยุงลายรอบบ้าน ทำลายภาชนะที่มีน้ำขัง หรือใช้ทรายกำจัดลูกน้ำบริเวณน้ำขัง และที่สำคัญต้องไม่สร้างแหล่งวางไข่ยุงลายเพิ่มขึ้น โดยขอให้ยึดหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ เก็บบ้านให้สะอาด ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและรอบบ้าน ให้มีความเป็นระเบียบ ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง  เก็บขยะ บริเวณรอบบ้านไม่ให้เป็นแหล่งวางไข่ยุงลาย และ เก็บน้ำ โดยปิดฝาภาชนะที่ใส่น้ำให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งขัดขอบภาชนะ เพื่อกำจัดไข่ยุงลาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถป้องกันโรคติดต่อนำโดยยุงลายได้ทั้ง 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


Comments

Popular posts from this blog

พิธีกรหนุ่ม เล่าประสบการณ์หัวใจหยุดเต้น เป็นเวลา 19 นาที ฝากเคือนทุกคนเป็นอุทาหรณ์ ใช้ชีวิตให้มีความสุข

สาวรมควันฆ่าตัวตายในรถ พร้อมกับหมา 11 ตัว อาชีพนักแปลซีรีส์ชั้นนำ ป่วยซึมเศร้า

รวมสรุปสิ่งผิดปกติ จากการเลือกตั้งล่วงหน้า 2566