สงกรานต์ปีนี้คึกคัก ผู้คนออกเที่ยวหลังจากที่อัดอั้นมานาน 3 ปี เงินสะพัด 1.25 แสนล้าน ต่างชาติแห่เที่ยวเมืองไทยอย่างล้นหลาม

สงกรานต์ปีนี้คึกคัก ผู้คนออกเที่ยวหลังจากที่อัดอั้นมานาน 3 ปี เงินสะพัด 1.25 แสนล้าน ต่างชาติแห่เที่ยวเมืองไทยอย่างล้นหลาม

       มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยชี้ให้เห็น สงกรานต์ในปีนี้สุดแสนจะคึกคัก วัยรุ่น หนุ่มสาว ออกเดินทาง ออกมาเล่นน้ำ ท่องเที่ยว ปาร์ตี้ หลังจากที่อัดอั้นกันมาเป็นเวลานานถึง 3 ปี ผลักดันเงินสะพัดกว่า 1.25 แสนล้านบาท อ้อนวอนให้รัฐบาลชุดใหม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ด้าน ททท.ปลื้มคนไทยยังเที่ยวไทย-กลับบ้านรับสงกรานต์ นักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งสูงขึ้น 525% คนส่วนมากนิยมเที่ยวทะเล เชียงใหม่เหงาหนี PM 2.5

       นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 66 ว่า เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมาก ผู้คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ที่ถึงแม้จะมีปัญหาโควิด-19 และปัญหาฝุ่น PM 2.5 แต่ก็ยังจะออกไปเล่นน้ำ ท่องเที่ยว รวมถึงกลับภูมิลำเนาบ้านเกิดกันอย่างแน่นอน ส่งผลให้มีมูลค่าการใช้จ่ายถึง 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% เทียบปี 65 ที่ใช้จ่าย 106,772 ล้านบาท แต่ลดลง 7.8% เทียบปี 62 ก่อนโควิด ที่มูลค่าสูงสุด 135,837 ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายจะมีทั้งการไปทำบุญ ไปเล่นน้ำ ปาร์ตี้สังสรรค์/จัดเลี้ยง ทำอาหารทานที่บ้าน ทานข้าวนอกบ้าน ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการเดินทาง โดย มีผู้คนตอบมากถึง 72.8% วางแผนไปเที่ยวและทำกิจกรรมในจังหวัดที่ตนเองอยู่ มีไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มสูงขึ้นจากปี 65 ที่วางแผนเดินทาง 52.4% โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับท่องเที่ยวในประเทศคนละ 7,091 บาท และต่างประเทศคนละ 45,681 บาท “มากถึง 67.5% ใช้จ่ายไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนถึงลดลง เพราะสินค้าและบริการแพงขึ้น ประหยัดรายได้ลดลง มีหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น ราคาน้ำมันแพง ฝุ่น PM 2.5 โควิดยังอยู่ ส่วนอีก 32.5% บอกมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะสินค้ามีราคาที่แพง หยุดติดต่อกันหลายวัน รายได้เพิ่มขึ้น อานิสงส์เราเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้เที่ยวนานแล้ว” ทั้งนี้ เมื่อถามว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้จะไปเลือกหรือไม่ ผู้ตอบทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคนไปจนถึงผู้สูงอายุ รวมกันมากถึง 89.6% ไปเลือกตั้งอย่างแน่นอน ส่วนอีก 6.5% ไม่แน่ใจ และอีก 3.9% ไม่ไป โดยให้คะแนนความคาดหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่นี้จะมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาประเทศได้ ที่ 8 คะแนนจากเต็ม 10 ขณะที่สิ่งที่ เรื่องที่จำเป็นและต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่แก้ไขให้มากที่สุด คือ ปากท้อง ความยากจน หนี้สิน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม, ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, แก้ปัญหาคอร์รัปชัน, ควบคุมค่าครองชีพให้เหมาะสม, ปรับปรุงระบบการศึกษา, เพิ่มเติมรัฐสวัสดิการ, ออกมาตรการสนับสนุนแรงงาน โดยเฉพาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, ปรับรูปแบบการทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ และทันสมัยขึ้น ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวคาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 (12-16 เม.ย.) บรรยากาศโดยรวมมีความคึกคักกันอย่างมากขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ มีรายได้สะพัดมากกว่า 18,530 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศจำนวน 13,500 ล้านบาท และรายได้จากต่างประเทศจำนวน 5,030 ล้านบาท สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 74% ภาคใต้ครองคะแนนสูงที่สุดอยู่ที่ 80% ภาคเหนือกลับมีอัตราเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 60% เพราะส่วนใหญ่คนไทยยังคงเดินทางไปท่องเที่ยวที่ทะเล เนื่องจากย่างกลายเข้าสู่ฤดูร้อนแบบเต็มตัว และส่วนหนึ่งมาจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ทำให้โรงแรมที่พักมีราคาที่นักท่องเที่ยวไทยพอจะเอื้อมถึง ขณะที่ภาคเหนือนั้น คาดการณ์มีปัญหาที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการเดินทางไปท่องเที่ยว ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Google Trends ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย.66 จังหวัดที่มีการค้นหามากที่สุด คือ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง สมุทรปราการและกรุงเทพฯ ขณะที่เชียงใหม่ เคยเป็นหนึ่งในพื้นที่ยอดนิยมสำหรับการเล่นสงกรานต์ กลับลงไปติดอยู่ในอันดับที่ 7 คาดเป็นผลจากปัญหาฝุ่น PM 2.5  “ถึงแม้ว่าในเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้จะยังคงมีปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 แต่คนไทยก็ยังตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยว แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางคือลดจำนวนวันสำหรับการเดินทางให้น้อยลงกว่าเดิม หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มี PM 2.5 โดยคนไทยส่วนใหญ่นิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาบ้านเกิด และใช้โอกาสนี้ในการเดินทางท่องเที่ยว และความอัดอั้นที่ไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์มาเป็นเวลานานถึง 3 ปีเนื่องจากโควิด19 ระบาดหนัก” นายยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ มีจำนวนมากถึง 305,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 525% จากปี 2565 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 48,814 คน และเพิ่มขึ้น 58% จากปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 522,357 คน เกิดการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 5,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 630% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 689 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 60% ของปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 8,321 ล้านบาท.

 

Comments

Popular posts from this blog

SAIDUAN168