จนท.มูลนิธิฯ เผยนิ่มถูกกดดันจากสังคม น้องต่อเสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุ แต่ไม่สามารถบอกใครได้

จนท.มูลนิธิฯ เผยนิ่มถูกกดดันจากสังคม น้องต่อเสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุ แต่ไม่สามารถบอกใครได้

       มูลนิธิวินวิน เข้าใหความช่วยเหลือครอบครัวของ นิ่ม ให้เจ้าตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ด้าน ปธ.ที่ปรึกษา เผยเหตุผลที่ช่วยเพราะชีวิตนิ่มแบกรับปัญหาอยู่เพียงผู้เดียว มีความโดดเดี่ยว ลูกตายจากอุบัติเหตุแต่สังคมไม่รู้ก็กดดัน

       เมื่อเวลา 11.00 น. 27 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจาก สภ.บางหลวง จ.นครปฐม ว่า นายวินท์ สุธีรชัย ประธานมูลนิธิวินวิน ได้เปิดเผยว่า จากการที่ทางมูลนิธิวิน วิน ได้ส่งทีมงานมาเข้ามาช่วยเหลือให้ความดูแลตั้งแต่แรกที่มีการช่วยค้นหาน้องต่อ สิ่งที่เราพบปะในพื้นที่ตั้งแต่ชาวบ้านและนิ่ม ไม่มีความเชื่อมั่นและไม่มีความสบายใจที่จะคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ มูลนิธิ จึงมาเป็นผู้ประสานงานให้ จนเป็นที่มาที่ทำให้นิ่มยอมเปิดใจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และตำรวจ ซึ่งต่อจากนี้ทางตำรวจจะต้องพานิ่มไปสอบสวน หากพบการกระทำความผิดจะต้องมีการดำเนินการแจ้งความ ในกระบวนการนี้จะมีทั้งอัยการ นักจิตวิทยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและต้องเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน ประธานมูลนิธิวินวิน กล่าวต่อว่า มูลนิธิจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของน้อง เพื่อให้น้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีความสบายใจ เราจะเข้าไปดูแลแม่ของนิ่มที่ป่วยติดเตียงเป็นอัมพฤกษ์เส้นเลือดในสมองตีบ ทางมูลนิธิจะเข้าไปดูแลให้เพื่อให้นิ่มได้เข้าสู่กระบวนการต่างๆอย่างสบายใจและเพื่อเปิดเผยความจริงได้อย่างเต็มที่ และไม่ให้คนข้างหลังมีปัญหา เราจะคอยดูแลเรื่องนี้ไปอย่างต่อเนื่องจนกว่ากระบวนการต่างๆจะสิ้นสุดลงและได้รับความชัดเจนความกระจ่างว่าข้อเท็จจริงเป็นมาอย่างไรตอนนี้นิ่มยอมเปิดใจแล้วว่า ความจริงเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นเกิดจากความไม่ตั้งใจ เป็นอุบัติเหตุ เพราะนิ่มยังต้องดูแลพ่อแม่และลูกตัวเอง ซึ่งอาจจะทำให้ เกิดอุบัติเหตุทำให้ลูกต้องจากไปโดยไม่ได้มีความตั้งใจ ในช่วงแรกๆ นิ่มอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนมารุมล้อม จึงทำให้เกิดภาวะที่มีความเครียด แต่มูลนิธิมาอยู่กับนิ่มตั้งแต่แรกจึงสบายใจและยอมเปิดใจ มีการพูดคุยมากขึ้น โดยนิ่มบอกว่าสามีไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ เพราะนิ่มกลัว หากสามีรู้ก็อาจจะเกิดอันตรายได้ นี่คือที่มาที่ไปทั้งหมดที่ไม่อยากให้ใครรู้ เพราะมีความรู้สึกว่าอยู่ในครอบครัวนี้ไม่สามารถเปิดใจให้ใครได้ จึงยอมเปิดใจกับมูลนิธิ 

    ด้าน นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน กล่าวว่า ทางมูลนิธิได้ลงพื้นที่ช่วยตามหาตั้งแต่วันแรกๆ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปล่อยให้ตำรวจดำเนินการต่อไป นิ่มยังมีความกลัวและมีความหวาดระแวง ที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการที่มูลนิธิของเราคลุกคลีกับเด็กและสตรีมาเยอะ เลยใช้ความพยายามที่จะคุยนิ่ม ทำให้น้องสบายใจในช่วงแรก นิ่มยังไม่กล้าที่จะเปิดใจ เพราะเรามารู้สาเหตุลึกๆ ที่กำลังเป็นดราม่าในโซเชียล ผลกระทบมาจากสิ่งแวดล้อม เหมือนชีวิตนี้นิ่ม อยู่คนเดียวจริงๆ คนที่ไม่รู้ ก็จะรู้สึกเกลียดชัง ว่าทำไมนิ่มทำกับลูกแบบนี้แต่พอเรามารู้ข้อมูล ในด้านมืดของนิ่ม เป็นคนที่น่าสงสารคนนึง ทำให้เราร้องไห้ไปกับนิ่ม กับสิ่งที่เกิดอุบัติเหตุพลาดพลั้งโดยไม่ได้มีความตั้งใจ คือสงสารนิ่ม ที่เค้าเล่า ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟัง ทำให้เรารู้สึกว่าเด็กคนนี้จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน กล่าวด้วยว่า เราต้องกลับมามองสังคมว่าเราต้องปรับเปลี่ยน หรือแก้ไขอะไรอีกบ้าง ด้วยความที่เป็นเด็กอายุเพียงแค่ 17 ปี เดินทางไปคลอดลูกคนเดียว เลี้ยงลูกคนเดียวทุกอย่างโดยที่ไม่มีใครช่วยดูแลหรือเอาใจใส่ ทำเองคนเดียวทุกอย่าง บ้านสามีก็ไม่มีใครชอบนิ่ม เลยไม่รู้จะไปถามและปรึกษากับใครได้ เลยถามนิ่มกลับไปว่าทำไมไม่บอกพุทธ ว่าเกิดอะไรขึ้น นิ่มบอกว่าไม่กล้าบอก เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วจะโดนทำร้ายร่างกาย เลยมองว่าสิ่งที่นิ่มไม่กล้าพูดตั้งแต่ตอนแรก คือห่วงแม่ที่ป่วยติดเตียง ถ้านิ่มโดนตำรวจจับแม่จะอยู่อย่างไร ใครจะดูแลแม่ ทางมูลนิธิจะดูแลแม่ให้เรื่องการรักษา และ การทำกายภาพบำบัด เหตุผลที่เราทำเราไม่ได้หิวแสงอะไร แต่เพราะนี่คือมนุษย์คนนึง ตอนนี้ ทีมงานอีกชุด กำลังช่วงค้นหาร่างน้องต่อ บริเวณริมแม่น้ำท่าจีน



Comments

Popular posts from this blog

พิธีกรหนุ่ม เล่าประสบการณ์หัวใจหยุดเต้น เป็นเวลา 19 นาที ฝากเคือนทุกคนเป็นอุทาหรณ์ ใช้ชีวิตให้มีความสุข